วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2554

ความปลอดภัยในการเชื่อมแก๊ส

       การปฏิบัติงานใด ๆ นั้นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงและให้ความสำคัญเป็นลำดับแรก คือ ในเรื่องความปลอดภัย ในการเชื่อมก็เช่นกันเพราะขณะปฏิบัติงานนั้นผู้เชื่อมจะต้องปฏิบัติงานควบคู่กับการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ในการเชื่อม หากผู้เชื่อมไม่รู้ถึงหน้าที่ วิธีการใช้เครื่องมือและอุปกรณ์การเชื่อม ก็อาจจะส่งผลให้เกิดอุบัติเหตุจากการทำงานได้

1.  ความหมายของการเชื่อมแก๊ส
การเชื่อมแก๊ส หมายถึง การทำให้โลหะหลอมเหลวติดกัน โดยอาศัยความร้อนที่เกิดจากการสันดาปของแก๊สเชื้อเพลิงและแก๊สออกซิเจน จนเกิดความร้อนทำให้เกิดการหลอมเหลวติดกันของโลหะงาน โดยจะเติมลวดเชื่อมหรือให้โลหะหลอมเหลวติดกันเองก็ได้

2.  ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊ส
ความปลอดภัยในงานเชื่อมโลหะด้วยแก๊สสามารถแยกตามลักษณะอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ดังนี้
              1.  ด้านผู้ปฏิบัติงานเชื่อม
                     1.1  ต้องสวมแว่นตากรองแสงชนิดสำหรับเชื่อมโลหะด้วยแก๊สที่มีคุณสมบัติตาม
มาตรฐานและสามารถป้องกันเศษวัสดุกระเด็นเข้าตาได้ด้วย
                     1.2  สวมชุดที่ป้องกันอันตรายจากสะเก็ดไฟจากการเชื่อมและไม่ลุกติดไฟง่าย


รูปที่ 1.10  สวมชุดและอุปกรณ์ป้องกันอันตราย
ที่มา  http://www.globalsecurity.org/military/library/policy/navy/nrtc/14250.htm_3


รูปที่ 1.11  ชุดปฏิบัติงานเชื่อม
ที่มา  http://www.globalsecurity.org/military/library/policy/navy/nrtc/14250.htm_3

                     1.3  ต้องสวมรองเท้าชนิดหุ้มข้อหรือรองเท้านิรภัยในขณะปฏิบัติงาน
                     1.4  ต้องสวมถุงมือหนัง หรือผ้าชนิดไม่เปิดปลายนิ้วมือ


รูปที่ 1.12  ถุงมือสำหรับการเชื่อม

              2.  ด้านเครื่องเชื่อม
                     2.1  ถังแก๊สและอุปกรณ์ต้องมีคุณสมบัติตามมาตรฐานของกระทรวงอุตสาหกรรม
และมีสัญลักษณ์สีบอกชนิดของแก๊สที่บรรจุอยู่ภายในตามมาตรฐานที่กำหนด

รูปที่ 1.13  การเก็บถังแก๊ส
ที่มา  http://www.ccohs.ca/oshanswers/safety_haz/welding/storage.html?print

                     2.2  ตรวจสอบความพร้อมของเครื่องมือและอุปกรณ์ให้พร้อมก่อนใช้งาน


รูปที่ : 1.14  แสดงลักษณะความพร้อมของอุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย
ที่มา  www.jorpor.com/PPT/Pressure%20Gas.ppt

                     2.2  ถังแก๊สต้องตั้งหัวขึ้นและมีสายผูกยึดกับสิ่งที่มั่นคงเพื่อกันถังล้ม
                     2.3  ถังบรรจุแก๊สต้องมีมาตรวัดเพื่อควบคุมความดันของแก๊สที่ถังขณะใช้งาน มาตร
วัดความดันที่ใช้งานควรอยู่ในสภาพดี
                     2.4  วาล์วและอุปกรณ์ที่ใช้กับแก๊สต้องไม่มีน้ำมัน หรือ จารบี และไม่ใช้ท่อทองแดง
เป็นท่อนำแก๊สอะเซทิลีนหรือส่วนประกอบ
                     2.5  หัวเชื่อมและท่อนำแก๊สต้องอยู่ในสภาพดีและปลอดภัย


รูปที่ 1.15  วาวล์ถังแก๊สจะต้องไม่มีคาบน้ำมันหรือวัสดุที่ติดไฟ
ที่มา  http://www.autospeed.com/cms/A_108763/article.html?popularArticle

              3.  ด้านวัสดุ / อุปกรณ์
                     3.1  การใช้งานควรห่างจากสารไวไฟไม่น้อยกว่า 25 ฟุต หรือ 7.6 เมตร
                     3.2  การเก็บถังแก็สเชื้อเพลิงและถังออกซิเจนควรแยกออกจากกันในการจัดเก็บ
                     3.3  บริเวณที่ใช้ทำการเก็บแก๊สอะเซทิลีน ต้องมีการระบายอากาศที่ดี และมีคำเตือน
ระวังวัตถุไวไฟ หรือ ห้ามเกิดประกายไฟ
                     3.4  การเคลื่อนย้ายถังแก๊สต้องสวมฝาครอบป้องกันวาล์วเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้
วาล์วกระแทกแตกขณะทำการขนส่ง


รูปที่ 1.16  แสดงส่วนประกอบของวาล์วและฝาครอบวาล์วถังแก๊สออกซิเจน
ที่มา  http://www.millerwelds.com/resources/TIGhandbook/pdf/TIGBook_Chpt5.pdf
                     3.5  กรณีที่วาล์วแก๊สรั่ว ต้องรีบนำถังแก๊สออกจากอาคารหรือพื้นที่ ที่ทำงานไปไว้ในที่
โล่งแจ้งที่ระบายอากาศได้ดี ในขณะเดียวกันควรนำป้ายบอกเตือนเพื่อระวังผู้ที่อาจทำให้เกิดประกายไฟบริเวณที่แก๊สรั่ว
              4.  ด้านบริเวณพื้นที่ปฏิบัติงาน
                     4.1  พื้นที่อาคารโรงงานต้อนเป็นวัสดุทนไฟ และมีการติดตั้งอุปกรณ์ดับเพลิงในที่
สะดวกในการหยิบใช้
                     4.2  ต้องมีฉากหรือห้องกั้นสำหรับป้องกันแสง รังสี และ สะเก็ดลูกติดไฟ
                     4.3  ต้องไม่มีวัตถุไวไฟในบริเวณพื้นที่ทำการเชื่อมและในบริเวณใกล้เคียง


รูปที่ 1.17  รถเข็นถังแก๊ส
ที่มา  :  http://www.thediypal.com/index.php?title=Acetylene

                     4.4  ในพื้นที่บริเวณปฏิบัติงานจะต้องมีการระบายอากาศที่ดี


รูปที่ 1.18  แสดงผลลัพธ์ของการเชื่อมบริเวณที่ไม่มีการถ่ายเทของอากาศ
ที่มา  www.jorpor.com/PPT/Pressure%20Gas.ppt

                     4.5  ต้องมีแสงสว่างที่เพียงพอในการปฏิบัติงาน
                     4.6  มีอุปกรณ์และยาปฐมพยาบาลเบื้องต้นหากเกิดอุบัติเหตุ
                     4.7  ทำการตีเส้นแสดงขอบเขตพื้นที่ เครื่องจักร  พื้นที่ที่อันตรายให้ชัดเจน
              5.  ด้านการปฏิบัติงานเชื่อมแก๊ส
                     5.1  ก่อนทำการเชื่อมต้องสังเกตพื้นที่ก่อนว่าไม่มีวัตถุที่ไวไฟอยู่บริเวณทำการเชื่อม
                     5.2  ถ้าเป็นการเชื่อมในห้องสิ่งที่ต้องคำนึงถึง คือ การระบายอากาศของห้องมี
พอเพียง โดยทั่วไปพื้นที่ต่อการระบายอากาศที่ปลอดภัยจะมีพื้นที่ 10,000 ลูกบาศก์ฟุต หรือ       283 ลูกบาศก์เมตร ต่อช่างเชื่อม 1 คน
                    5.3  ต้องมีการระบายอากาศที่ดีเมื่อทำการเชื่อมโลหะที่มีสารพิษเคลือบผิวอยู่ เช่น
สังกะสี ตะกั่ว ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้
                   5.4  ตรวจสอบความเรียบร้อยของอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนการเชื่อมทุดครั้ง หากเกิดการชำรุดให้บอกครูผู้ควบคุมทันที


รูปที่ 1.19  รูปแสดงการตรวจสอบอุปกรณ์เพื่อปลอดภัยในงานเชื่อมแก๊ส
ที่มา : http://www2.worksafebc.com/i/posters/1999/ha9914.html

                     5.5  กรณีวางถังแก๊สอะเซทิลีนในลักษณะนอนนาน ๆ เวลาใช้งานควรนำตั้งขึ้นและให้
ระยะเวลาเพื่อให้สารอาซิโตนเข้าที่ระยะเวลาหนึ่ง เพราะหากไม่แล้วสารอาซิโตนจะเคลื่อนตัวปะปนออกมากับแก๊สทำให้อุณหภูมิของเปลวไฟต่ำกว่าปกติและทำให้เกิดความเสียหายต่อมาตรวัด    ความดัน (Regulator) หรือบริเวณลิ้นเปิดปิด (Valve) ของกระบอกเชื่อม (Torch)
                     5.6  การป้องกันการไหลย้อนกลับของแก๊ส กว่าร้อยละ 90 ของอุบัติเหตุใน
อุตสาหกรรมงานเชื่อมนั้น เกิดขึ้นบริเวณด้ามเชื่อม สายแก๊ส และ มาตรวัดความดันแก๊ส โดยมีสาเหตุดังนี้


รูปที่ 1.20 แสดการเกิดไฟไหลย้อน
ที่มา  www.jorpor.com/PPT/Pressure%20Gas.ppt



รูปที่ 1.21  ทิศทางการไหลของแก๊ส

                            1)  เมื่อปริมาณแก๊สออกซิเจนในถังหมดลง ก่อนที่วาล์วเปิด - ปิด แก๊สออกซิเจน
ที่ด้ามเชื่อมจะถูกปิด แก๊สอะเซทิลีนจะไหลย้อนกลับไปที่สาย และมาตรวัดความดันแก๊สออกซิเจน


รูปที่ 1.22  ทิศทางการไหลของแก๊สอะเซทิลีนเข้าถังแก๊สออกซิเจน
ที่มา  คู่มือความปลอดภัย บริษัท Harris หน้า 5

                            2)  เมื่อวาล์วหัวถังแก๊สทั้งสองถูกปิดลงหลังเสร็จจากงานแล้ว ถ้าผู้ใช้ได้เปิด
วาล์วทั้งสองที่ด้ามเชื่อมเพื่อปล่อยแก๊สออกซิเจน และอะเซทิลีนออก แก๊สอะเซทิลีนที่มีแรงดันต่ำจะไหลออกก่อน โดยที่แก๊สออกซิเจนจะสามารถไหลย้อนกลับไปยังสาย และมาตรวัดความดันของแก๊สอะเซทิลีนได้


รูปที่ 1.23  ทิศทางการไหลของแก๊สออกซิเจนเข้าถังแก๊สอะเซทิลีน
ที่มา  คู่มือความปลอดภัย บริษัท Harris หน้า 6

                            3)  เมื่อผู้ใช้เปิดวาล์วทั้งสองที่ด้ามเชื่อมพร้อมกัน และพยายามที่จะจุดไฟเพื่อใช้งาน (ด้วยมิกเซอร์แบบสมดุลความดัน) ถ้าแก๊สออกซิเจนมีอัตราการไหลมากกว่าอัตราที่หัวทิพจะปล่อยได้ ออกซิเจนจะไหลย้อนกลับไปที่สายและมาตรวัดความดันของแก๊สอะเซทิลีน


รูปที่ 1.24  ทิศทางการไหลย้อนกลับของแก๊ส
ที่มา  คู่มือความปลอดภัย บริษัท Harris หน้า 6

              จากการไหลย้อนกลับของแก๊ส จะเป็นการสร้างองค์ประกอบที่ทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้ได้สองในสามส่วน ซึ่งทั้งหมดนี้ สามารถป้องกันได้ ถ้าหากอุปกรณ์ได้ถูกใช้อย่างเหมาะสม
                            1)  ไม่ควรใช้แก๊สออกซิเจนจนหมดถัง ควรเลิกใช้เมื่อแรงดันในถังลดลงมาเหลือ
ประมาณ 50 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว ( 3.5 บาร์ )
                            2)  ผู้ใช้ควรจะปล่อยแก๊สในสายเชื่อมออกก่อนที่จะจุดไฟที่ด้ามเชื่อม ควรปล่อย
แก๊สผสมที่สามารถลุกติดไฟได้ทิ้งก่อนที่อุบัติเหตุจะเกิดขึ้น
                            3)  ผู้ใช้ไม่ควรที่จะจุดไฟเพื่อใช้งานโดยเปิดวาล์วทั้งสองที่ด้ามเชื่อมพร้อมกัน
ยกเว้นด้ามเชื่อม ที่มีมิกเซอร์แบบหัวฉีด หรือยูนิเวอเซล (UNIVERSAL MIXER) ซึ่งมิกเซอร์แบบ      ยูนิเวอเซลนี้ ได้ถูกออกแบบเพื่อที่จะป้องกันการไหลย้อนกลับ ยกเว้นเมื่อหัวเชื่อมเกิดอุดตัน
                            4)  อุปกรณ์ต้องอยู่ในสภาพที่ดีพร้อมใช้งาน ถ้าหัวเชื่อมอุดตัน แก๊สที่มีแรงดันสูง
กว่าจะไหลกลับไปยังสายที่มีแรงดันต่ำกว่า